วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2555
หลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ
เฟสบุ๊คเพื่อสนทนาปัญหาธรรมะและเผยแผ่ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และโอวาทธรรม คำสอน พ่อแม่ครูอาจารย์พระอรหันต์ครับ
ทุกชีวิตมีเวลาอันจำกัด จงอย่าช้ารีบเร่งทำความดี
www.facebook.com/groups/226951157350091
http://luangpumun.blogspot.com/
หลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ
วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
“พระอริยเจ้าผู้ปรารภความเพียร”
พระเดชพระคุณหลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ พระอริยเจ้าผู้ปรารภความพากเพียรสม่ำเสมอตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงวัยชรา เป็นศิษย์กรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่อัฐิได้กลายเป็นพระธาตุแล้ว แสดงให้เห็นว่า “ท่านเป็นพระอรหันต์”รูปหนึ่งในวงศ์พระพุทธศาสนาที่เจริญรอยตามเสด็จองค์พระบรมศาสดา
ท่านท่องเที่ยวธุดงค์ไปทั่วประเทศไทยเป็นผู้ไม่หวั่นไหวในสุขและทุกข์ เป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนเข้าหาสำนักครูบาอาจารย์เสมอ เป็นผู้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายแต่ทุกท่วงท่ากริยาแฝงไปด้วยความหมายแห่งธรรม
ท่านเป็นศิษย์ต้นและเป็นทายาทธรรมของ “หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ พระอริยเจ้าแห่งวัดป่าประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น” โดยแท้
การปฏิบัติธรรมออกกรรมฐานของท่านล้วนได้ติดตามพระอรหันต์องค์สำคัญๆ ทั้งนั้น เช่น พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต หลวงปุ่พรหม จิรปุญฺโญ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม หลวงปู่เทสก์ เทสรงฺสี เป็นต้น
ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๙ ตรงกับวันแรม ๖ ค่ำ เดือน ๔ ปีขาล ที่บ้านดงเย็น ตำบลดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
ท่านเป็นบุตรของนายสอน และนางเหม็น แมดสถาน มีอาชีพทำนา มีพี่น้อง ๘ คน
หลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ อุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ตรงกับวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๐ เวลา ๑๔.๐๐ น. ที่วัดชัยมงคล ตำบลโพนสูง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร โดยมีพระมหาเถื่อน อุชุกโร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการพร สุมโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการพุธ ยโส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ”ปริปุณฺโณ”
พุทธศักราช ๒๔๙๐ ท่านได้จำพรรษาที่วัดประสิทธิธรรม กับหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ พอออกพรรษาแล้ว ได้ติดตามท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดบ้านหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
ปีพุทธศักราช ๒๔๙๑ ในพรรษานี้ ท่านติดใจในรสชาติแห่งธรรมที่ท่านพระอาจารย์แสดงจึงมีความตั้งใจจะไปพักจำพรรษากับท่
านพระอาจารย์มั่นอีก เมื่อท่านเดินทางไปถึงก็พบว่ามีพระอยู่จำพรรษากับองค์ท่านจำนวนมาก กุฎิไม่เพียงพอ
ท่านพระอาจารย์มั่นจึงเมตตาให้ท่านไปจำพรรษาที่วัดม่วงไข่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร หลังจากออกพรรษาแล้ว ได้ไปกราบนมัสการลาท่านพระอาจารย์มั่นกลับมาพักอยู่กับหลวงปู่พรหม ที่วัดประสิทธิธรรม
จากนั้นก็ได้กราบลาหลวงปู่พรหม ออกธุดงค์วิเวกไปยังอำเภอบ้านผือ พระพุทธบาทบัวบก อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
ปีพุทธศักราช ๒๔๙๒ ท่านจำพรรษาที่ภูเก้า อำเภอโนนสัง จังหวัดอุดรธานี หลังจากออกพรรษาแล้วได้เที่ยววิเวกไปทางอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ได้พักศึกษาข้ออรรถข้อธรรมจากหลวงปู่เทสก์ เทสฺรงฺสี
ปีพุทธศักราช ๒๔๙๓ ท่านได้ติดตามหลวงปู่พรหมไปจำพรรษาที่ วัดบ้านถ่อน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร หลังออกพรรษาแล้ว หลวงปู่พรหมได้เดินทางไปวัดหนองผือ ตำบลนาใน เพื่อประชุมคณะสงฆ์ เตรียมงานประชุมเพลิงองค์หลวงปู่มั่น และโอกาสนี้หลวงปู่ผางได้กราบนมัสการ หลวงปู่ขาว อนาลโย แห่งวัดถ้ำกลองเพล
ท่านได้ติดตามหลวงปู่ขาวไปธุดงค์ตามเทือกเขาภูพาน จนถึงวัดถ้ำกลองเพล และได้พักปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ขาวระยะหนึ่ง จังได้กราบลาหลวงปู่เพื่อปลีกวิเวกไปศึกษาธรรมปฏิบัติกับหลวงปู่คำดี ปภาโส ที่วัดถ้ำผาปู่ อำเภอเมือง จังหวัดเลย และติดตามหลวงปู่คำดีไปยังภูเขาควาย ประเทศลาว
ปีพุทธศักราช ๒๔๙๔ ท่านพักจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านนาเชือก จังหวัดเลย
หลังจากออกพรรษาแล้ว ได้ธุดงค์กลับวัดป่าประสิทธิธรรม บ้านดงเย็นเพื่ออุปัฏฐากหลวงปู่พรหม หลังจากพักอยู่นานพอสมควรแล้ว ได้ออกวิเวกไปหนองกุงทับม้า อำเภอวังสามหมอ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร ต่อไปยังนิคมน้ำอูน บ้านกุดบาก กุดแฮด กุดไห ค้อน้อย ซึ่งเป็นบริเวณเทือกเขาภูพาน หนทางทุรกันดารลำบากมาก และได้ข้ามฟากไปยังอำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ไปที่บ้านสามผง โดยมีความตั้งใจว่าจะไปกราบนมัสการ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม แต่ไม่ได้พบท่าน ได้พบกับหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน หลวงปู่บัวคำ อาจารย์บัว และสามเณรรูปหนึ่ง รวมทั้งหมด ๕ รูป และได้อยู่ปฏิบัติธรรมร่วมกัน อยู่ที่บ้านสามผง
พุทธศักราช ๒๔๙๖ ท่านพักจำพรรษาที่อำเภอวังสะพุง และได้จำพรรษาร่วมกับ พระอาจารย์ทองสุก และพระอาจารย์เมฆ รวมทั้งหมด ๓ รูป
หลังจากออกพรรษาแล้ว ได้ออกวิเวกไปทางถ้ำผาบิ้ง เพื่อศึกษาธรรมกับหลวงปู่ชอบ หลวงปู่ชอบได้พาเที่ยววิเวกขึ้นไปทางเหนือจังหวัดเชียงใหม่ ได้พาไปวิเวกยังสถานที่สงบสงัดทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่
ปีพุทธศักราช ๒๔๙๗ ท่านจำพรรษาที่ป่าบ้านเฮียด อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ที่แห่งนั้นเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มี ๑๐ กว่าหลังคาเรือน มีพระจำพรรษาด้วยกันทั้งหมด ๓ รูปหลังจากออกพรรษาแล้ว ได้ไปศึกษาธรรมกับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดป่าบ้านปง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
หลังจากนั้นหลวงปู่ชอบได้พาท่านธุดงค์ไปยังวัดผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ได้พบหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร
ปีพุทธศักราช ๒๕๐๖ ท่านพักจำพรรษาที่วัดประสิทธิธรรม หลังออกพรรษาแล้ว ได้วิเวกไปทางดงหม้อทอง พักอยู่ระยะหนึ่งได้ออกวิเวกต่อไปทางภูวัว ภูทอก ไปพักกับพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ระยะหนึ่ง แล้วออกวิเวกต่อไปยังภูลังกา
ปีพุทธศักราช ๒๕๐๗ ท่านได้พักจำพรรษาที่วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี กับหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน มีพระร่วมจำพรรษาทั้งหมด ๑๗ รูป อยู่จนสิ้นกรานกฐิน ก็ได้กราบลาหลวงตามหาบัว ออกวิเวกไปทางจังหวัดหนองคาย ทางบ้านนามั่ง ปากมั่ง วิเวกตามฝั่งลุ่มแม่น้ำโขง
ปีพุทธศักราช ๒๕๐๘ ท่านพักจำพรรษาที่อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์
ปีพุทธศักราช ๒๕๐๙ ท่านพักจำพรรษาที่วัดป่าแก้วชุมพล กับพระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒-๑๖ ท่านพักจำพรรษาอยู่ที่วัดประสิทธิธรรม ประชุมเพลิงขององค์หลวงปู่พรหม ในวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๑๔ เป็นที่เรียบร้อยแล้วท่านได้นำคณะศรัทธาญาติโยมก่อสร้างเจดีย์ เพื่อบรรจุอัฐิธาตุและอัฐบริขารของหลวงปู่พรหม
ปีพุทธศักราช ๒๕๓๙ เป็นต้นมา ท่านพักจำพรรษาที่วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
ท่านละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานด้วยโรคมะเร็งในตับ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๕ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน๔ เวลา ๒๓.๓๕ น.
สิริอายุ ๗๖ ปี ๕๔ พรรษา
หลวงปู่ผาง ปริปุณโณ
วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
คัดมาจากหนังสืออนุสรณ์ในงานประชุมเพลิงหลวงปู่ผาง ปริปุณโณ
ณ.เมรุชั่วคราววัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
5 เมษายน 2544
ประวัติในวัยเยาว์ (พ.ศ. 2496 - 2490 )
หลวงปู่ผาง ปริปุณโณ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พุทธศักราช 2496 ตรงกับวันแรม 6 ค่ำ ปีขาล ที่บ้านดงเย็น ตำบลดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี โยมบิดาชื่อ นายสอน โยมมารดาชื่อนางเหม็น
ในสกุล แมดสถาน มีอาชีพทำไร่ทำนา โดยครอบครัวของหลวงปู่มีญาติพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 8 คน มีดังนี้
1.นายแจ่ม แมดสถาน
2.นายแจ้ง แมดสถาน (ถึงแก่กรรม)
3.นายแสง แมดสถาน
4.หลวงปู่ผาง ปริปุณโณ
5.นางผิว แมดสถาน (ถึงแก่กรรม)
6.นายคำปลิว แมดสถาน (ถึงแก่กรรม)
7.นางเรียง พรมลาย
8.นายเกิ่ง แมดสถาน
สู่เพศพรหมจรรย์
หลวงปู่ผาง ปริปุณโณ อุปสมบทเมื่ออายุได้ 21 ปี ตรงกับวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2490 เวลา 14.00 น. ที่วัดชัยมงคล ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือ พระครูอดุลสังฆกิจ ( หลวงปู่มหาเถื่อน อุชุกโร ) วัดกุดเรือคำ ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
พระกรรมวาจาจารย์ คือ หลวงปู่พร สุมโน วัดป่าประชานิยม บ้านหนองหลวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
พระอนุสาวนาจารย์ คือ หลวงพ่อพุธ ยโส วัดคามวสี ต.ตาลเนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
ได้รับฉายาว่า “สิริปุณโณ”
พรรษาที่ 1 พ.ศ. 2490 ( เดินทางตามหาหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และจำพรรษากับหลวงปู่มั่น )
หลังจาอุปสมบทแล้ว หลวงปู่ผาง ปริปุณโณ ก็ได้มาจำพรรษาที่วัดป่าประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น กับหลวงปู่พรหม จิรปุญโญ พอออกพรรษาแล้ว หลวงปู่พรหม ก็ได้พาหลวงปู่ผาง เที่ยวธุดงค์รอนแรมไปตามป่าเขาลำเนาไพร เพื่อมุ่งหน้าไปกราบหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่เสนาสนะสำนักวัดป่าหนองผือนาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เมื่อมาถึงวัดป่าหนองผือนาในก็ได้เข้าไปกราบหลวงปู่มั่น และกราบเรียนถึงการไปการมาให้ท่านได้รับทราบ และขอถวายตัวเป็นศิษย์ท่าน และรับโอวาทธรรมกรรมฐาน ข้อวัตรปฏิบัติน้อยใหญ่ การภาวนา และพักปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่น อยู่เป็นระยะเวลาพอสมควร
( ปล.หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ เป็นศิษย์ผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่น )
พรรษาที่ 2 พ.ศ. 2491 ( ความเมตตาจากหลวงปู่มั่น )
ในพรรษานี้ หลวงปู่ผางมีความตั้งใจจะพักจำพรรษากับหลวงปู่มั่นอีก ที่วัดป่าหนองผือนาใน แต่หลวงปู่ผางเดินทางไปถึงก็พบว่ามีพระอยู่จำพรรษากับองค์หลวงปู่มั่น เป็นจำนวนมาก กุฏิที่จะให้พระจำพรรษากับหลวงปู่มั่นมีจำนวนไม่เพียงพอ หลวงปู่มั่นจึงเมตตาให้หลวงปู่ผางไปจำพรรษาที่วัดป่าม่วงไข่ - ผ้าขาว ในเขตอำเภอพรรณนานิคม จ.สกลนคร ใกล้สำนักใหญ่วัดป่าหนองผือนาในนั่นเอง โดยมีพระสงฆ์จำพรรษาด้วยกันทั้งหมด 4 รูป หลังจากออกพรรษาแล้ว ได้ไปกราบนมัสการลาองค์หลวงปู่มั่น ที่วัดป่าหนองผือนาใน เพื่อกลับมาพักวิเวกอยู่กับหลวงปู่พรหม เพื่อออกวิเวกไปยังอำเภอบ้านผือ ในเขตจังหวัดอุดรธานี ที่พระพุทธบาทบัวบก อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จนถึงเวลาจวนใกล้เข้าพรรษาจึงเดินวิเวกกลับมายังจังหวัดอุดรธานี
พรรษาที่ 3 พ.ศ. 2492
และได้ติดตามองค์หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ เดินรอนแรมไปลุถึงเขตอำเภอสว่างแดนดิน จ.สกลนคร และได้พักจำพรรษาที่วัดป่าบ้านถ่อน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หลังจากออกพรรษาแล้ว หลวงปู่พรหมได้เดินทางพาหลวงปู่ผาง มุ่งหน้าสู่วัดป่าหนองผือนาใน อ.พรรณานิคม เพื่อประชุมคณะสงฆ์เตรียมงานประชุมเพลิงองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และโอกาสนี้หลวงปู่ผาง ได้มีโอกาสกราบนมัสการหลวงปู่ขาว อนาลโย (วัดถ้ำกลองเพล อ.เมืองหนองบัวลำภู) หลังจากได้กราบนมัสการองค์หลวงปู่ขาว แล้วหลวงปู่ก็ได้กราบขออนุญาตหลวงปู่พรหม ติดตามหลวงปู่ขาว ไปธุดงค์วิเวกตามเทือกเขาภูพาน และได้มาแวะพักที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม
( ถ้ำพวง) ในเขตอำเภอส่องดาว จ.สกลนคร หลังจากนั้น หลวงปู่ขาว อนาลโย ได้พาธุดงค์ไปเรื่อยๆไปตามเทือกเขาภูพาน จนลุมาถึงวัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภุ และได้พักปฏิบัติธรรมภาวนากับหลวงปู่ขาว ระยะหนึ่ง จึงได้กราบลาหลวงปู่ขาว เพื่อปลีกวิเวกไปธุดงค์กรรมฐานต่อไป และได้เดินธุดงค์มาลุถึงเขตจังหวัดเลย ได้ไปกราบหลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่เนรมิต อำเภอเมือง จังหวัดเลย ได้พักอยู่กับหลวงปู่คำดี อยุ่ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นหลวงปู่คำดีก้ได้พาเดินปลีกวิเวกไปทางเหนือของอำเภอสังคม จ.หนองคาย เดินเลาะเรียบริมฝั่งแม่น้ำโขง ลงมายังวัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เพื่อกราบนมัสการองค์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ในโอกาสนี้ได้พบกับหลวงปู่บัว สิริปุณโณ (วัดป่าหนองแซง จ.อุดรธานี) และหลวงปู่เผย วิริโย (วัดถ้ำผาปู่ จ.เลย) และได้พักปรารภความเพียรด้วยกันในระยะหนึ่ง หลังจากนั้นหลวงปู่เทสก์ ก้ได้ชักชวนหมู่คณะทั้งหมดข้ามไปยังฝั่งประเทศลาว โดยข้ามทางเรือ ไปวิเวกทางภูเขาควาย อยู่ระยะหนึ่งนานพอสมควร จึงเดินทางกลับมายังฝั่งไทย ที่วัดหินหมากเป้ง หลังจากนั้นได้ออกวิเวกต่อไปยังจังหวัดเลย
พรรษาที่ 4 พ.ศ.2494 พักจำพรรษษที่วัดบ้านนาเชือก จังหวัดเลย หลังจากออกพรรษาแล้ว ได้ธุดงค์กลับภูมิลำเนาเพื่ออุปัฏฐากหลวงปู่พรหม ที่วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น จ.อุดรธานี หลังจากพักอยู่นานพอสมควรแล้วได้ออกวิเวกไปยังบ้านหนองกุงทับม้า เขต อ.วังสามหมอ และได้วกลับมาที่ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร พักอยู่อีกระยะหนึ่ง ก็ได้ปลีกวิเวกลงมาทาง อ.นิคมน้ำอูน บ้านกุดแฮด บ้านกุดไห บ้านค้อน้อย เขต อ.กุดบาก จ.สกลนคร ชึ่งเป็นบริเวณ เทือกเขาภูพาน ถนนหนทางสมัยก่อนทุรกันดานมากต้องไปตามทางเกวียน และได้ข้ามฝากไปยัง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ไปที่บ้านสามผง โดยมีความตั้งใจว่าจะไปกราบนมัสการรับโอวาทธรรมจากหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม แต่ก็ไม่ได้พบท่าน ได้พบ กับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน , หลวงปู่บัวคำ ,
พระอาจารย์บัว , และสามเณรหนึ่งรูป รวมทั้งหมด 5 รูป และได้พักอยู่ปฏิบัติธรรมร่วกับพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน กับหมู่คณะที่วัดป่าบ้านสามผง
และต่อมาหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านได้ปลีกวิเวกออกไปจากหมู่คณะก่อน หลังจากนั้นหลวงปู่ผาง และอาจารย์บัว ได้วิเวกจากบ้านสามผง จ.นครพนม มายังดงหม้อทอง เขต อ.บ้านม่วง , อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร และย้อนขึ้นไปยังภูลังกา จ.นครพนม และได้มีโยมผ้าขาวติดตามไปด้วย 1 คน มี่ภูลังกาที่บิณฑบาตก็ลำบากขาดแคลนมาก จึงลงมาพักกับท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ที่วัดเจติยาคีรีวิหาร ( ภูทอก ) อ.ศรีวิไล จ.หนองคาย ระยะหนึ่งจึงวิเวกกลับบ้านดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
พรรษาที่ 6 พ.ศ.2495
ได้พักจำพรรษาที่วัดผดุงธรรม บ้านดงเย็น หลังจากออกพรรษาแล้วได้ลาองค์หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ปลีกวิเวกไปยัง จ.สกลนคร ได้ไปพักปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่อำเภอพรรนานิคม ต่อจากนั้นได้วิเวกกลับมาที่ อ.สว่างแดนดิน เพื่อกราบนมัสการหลวงปู่พร สุมโน และได้พักอยู่กับหลวงปู่พร สุมโน ระยะหนึ่งจึงกลับไปบ้านดงเย็น เพื่อมากราบเยี่ยมหลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ชึ่งเป็นครูบาอาจารย์ของท่านเสมอมิได้ลืม และได้พักปรนนิบัติหลวงปู่พรหม ระยะหนึ่งจึงได้กราบลาหลวงปู่พรหม ออกวิเวกไปยังอำเภอส่องดาว กับสามเณรโสกา เย็นอารัญ ( ปัจจุบันนี้ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่บ้านดงเย็น วัดโนนพอก )
ณ สถานที่แห่งนี้ ได้พบกับหลวงปู่ขาว อนาลโย , พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ , หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต ,
ที่บ้านนาไทรน้อย ได้พักอยู่ด้วยกันเป็นเวลา 1 อุโบสถ โดยหลวงปู่ผาง เป็นผู้สวดพระปาฏิโมกข์ถวายหลวงปู่ขาว อนาลโย หลังจากนั้นก็ออกธุดงค์ติดตามหลวงปู่ขาว มาปฏิบัติภาวนายังวัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู
พรรษาที่ 7 พ.ศ.2496
ได้มาพักจำพรรษาที่ อำเภอวังสะพุง จ.เลย และได้พบพระอาจารย์มหาทองสุก สุจิตโต (วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร) และพระอาจารย์เมฆ รวมทั้งหมด 3 รูป หลังจากออกพรรษาแล้ว ได้ออกวิเวกไปทางวัดถ้ำผาบิ้ง เพื่อไปกราบองคืหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และได้พักปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม อยู่ระยะนานพอควร หลังจากนั้นพอออกพรรษาหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ได้พาออกเที่ยวธุดงค์กรรมฐานไปยังสถานที่สัปปายะที่สงบสงัด โดยได้ขึ้นไปทางเหนือ ข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่า ได้มายัง จ.เชียงใหม่
พรรษาที่ 8 พ.ศ.2497
พักจำพรรษาที่ป่าบ้านเฮียด อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ หลวงปู่เล่าว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มี 10 หลังคาเรือนพออาศัยโคจรบิณฑบาตได้ไปวัน ๆ มีพระจำพรรษาด้วยกันทั้งหมด 3 รูป หลังจากออกพรรษาแล้ว ได้เดินทางไปกราบองค์หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ที่วัดป่าบ้านปง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
พักอยู่ระยะหนึ่ง หลวงปู่ชอบได้เดินทางมาพักที่วัดป่าบ้านปง พักอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน หลังจากนั้นหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ได้พาหลวงปู่ผาง ไปยังวัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว ได้พบกับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม และได้พักปฏิบัติธรรมร่วมกันที่วัดถ้ำผาปล่อง หลังจากนั้นก้ได้พบกับหลวงปู่หลุย จันทสาโร ก็วิเวกมายังถ้ำผาปล่อง ต่อมาหลวงปู่ชอบ หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ผาง ได้ออกธุดงค์ไปยังสำนักสงฆ์หลวงปู่ตื้อ วัดปากทาง อ.แม่แตง หลังจากนั้นหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ได้ปลีกวิเวกออกไปเพียงองค์เดียว และหลวงปู่ผางได้พักปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม จนหมดหน้าแล้ง จวนจะเข้าพรรษา และได้กราบลาหลวงปู่ตื้อ เพื่อออกวิเวกองค์เดียวตามลำพัง
พรรษาที่ 35 พ.ศ.2524
ได้เที่ยววิเวกมายัง เขตภาคตะวันออก ได้มาพักจำพรรษาที่บึงสอ หมู่บ้านเกาะกระทิง อ.สนามไชยเขต จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากออกพรรษาแล้ว คณะญาติโยมชาวบ้านดงเย็น ได้กราบอาราธนานิมนต์องค์หลวงปู่ผาง ให้กลับมาจำพรรษาที่ประสิทธิธรรมตามเดิม
พรรษาที่ 36 – 39 พ.ศ.2525 – 2528
พักจำพรรษาที่วัดประสิทธิธรรม ได้นำคณะศรัทธาชาวบ้านและญาติโยม เข้าทำการซ่อมแชมปรับปรุงเสนาสนะภายในวัดที่ชำรุดทรุดโทรมให้ดียิ่งขึ้น หลังจากออกพรรษาแล้ว ปีพ.ศ.2528 หลวงปู่ผางก้ได้เดินทางธุดงค์ปลีกวิเวกไปยังจังหวัดเลย จ.เพชรบูรณ์ และธุดงค์วิเวกเข้าไปยังภาคกลาง เขตจังหวัดนครสวรรค์
พรรษาที่ 40 พ.ศ. 2529
พักจำพรรษาที่ถ้ำเขาเรือ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ หลังจากออกพรรษาแล้ว ช่วงนี้พระอาจารย์คำบ่อ ฐิตปัญโญ และคระได้ติดตามมาอาราธนานิมรต์หลวงปู่ขอให้หลวงปู่กลับไปตรวจเช็คร่างกายที่กรุงเทพฯ หลังจากหลวงปู่ตรวจเช็คและสุขภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลวงปู่ก้ได้เดินทางปลีกวิเวกไปยังทาง จ.ลพบุรี ชึ่งเป็นสถานที่เต็มไปด้วยภูเขา และสับปายะ สงบ เหมาะแก่การทำความเพียรภาวนาอย่างยิ่ง
พรรษาที่ 41 – 48 พ.ศ.2530 – 2537
พักจำพรรษาที่วัดเวฬุวัน ( วัดเขาจีนแล ) อ.เมือง จ.ลพบุรี กับท่านพระอาจารย์สมุทร อธิปัญโญ ได้พำนักพักบำเพ็ญเจริญสมาธิภาวนา อากาศดีมาก ได้พักอยู่สักระยะหนึ่ง ชาวบ้านแถบนั้นเกิดความศรัทธาเลื่อมใสหลวงปู่ผางเป็นจำนวนมาก จึงได้พากันกราบอาราธนานิมนต์ให้หลวงปู่อยู่จำพรรษาที่นี่ให้นานๆ ไม่อยากให้ไปที่อื่นอีก
จนกระทั่งในปี 2537 หลังจากออกพรรษาแล้วคณะชาวบ้านดงเย็น จ.อุดรธานี ได้ไปกราบอาราธนานิมนต์หลวงปู่ให้กลับมาบ้านดงเย็นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากกลับมาแล้วหลวงปู่ก็ปรารภเรื่องการรื้อถอนวิหารหลังเก่า ที่ชำรุดทรุดโทรมออกไป และทำการบูรณะวิหารขึ้นมาใหม่ แทนหลังเก่าชึ่งเป็นไม้ แต่ท่านพระอาจารย์สำเนียง สิริจันโท ชึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ ได้กราบเรียนหลวงปู่ขอเอาไว้ว่า จะขอทำการบูรณะซ่อมแซมแทนองค์หลวงปู่เอง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น