...ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมเวปด้วยความยินดียิ่งครับผม ทุกชีวิตมีเวลาอันจำกัด จงอย่าช้ารีบเร่งทำความดี...

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2555

หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ


เฟสบุ๊คเพื่อสนทนาปัญหาธรรมะและเผยแผ่ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และโอวาทธรรม คำสอน พ่อแม่ครูอาจารย์พระอรหันต์ครับ
ทุกชีวิตมีเวลาอันจำกัด จงอย่าช้ารีบเร่งทำความดี

www.facebook.com/groups/226951157350091
http://luangpumun.blogspot.com/

หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2431 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่บ้านเขืองใหญ่ ตำบลหมูม่น อำเภอธวัชบุรี (โป่งลิง) จัวหวัดร้อยเอ็ด เป็นบุตรของนายลาด และนางดา มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 9 คน ในก่อนที่ท่านจะบวช ท่านมีชีวิตฆราวาสมีอาชีพเป็นช่างประจำหมู่บ้าน และเก่งในวิชาอาคมทางด้านไสยศาสตร์ เป็นที่นับถือของคนในถิ่นนั้น และสามารถปราบผีสางนางไพร ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภอกษุเมื่อปี พ.ศ. 2482 ขณะมีอายุได้ 53 ปีแล้ว ณ วัดบึงพระลานชัย อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด เวลา ๑๕.๑๘ น. โดยมี ท่านพระครูคุณสารพินิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ปลัดแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้มาจำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์เพ็ง พุทฺธธมฺโม ซึ่งเป็นพระลูกชาย ที่วัดป่าศรีไพรวัน จังหวัดร้อยเอ็ด ในกลางพรรษาแรกนั้นเอง ท่านมีอาการเจ็บในรูหูเป็นอย่างมาก ได้นั่งสมาธิพิจารณาทุกขเวทนา ใต้ต้นลำดวนในบริเวณวัด ติดต่อกัน ๓ วัน ๓ คืนจึงรู้แจ้งในอริยสัจจ์ จึงเอาชนะความเจ็บปวดได้ จากนั้นท่านได้ฝ่กตังเป็นศิษย์กับ พระครูวินัยธรมั่น ภูริทัตโต ที่วัดบ้านหนองผือ อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร ท่านได้เรียนศึกษากับพระอาจารย์มั่น ได้ศึกษาเกี่ยวกับชีวิตเริ่มต้น และ รำลึกถึงพระคุณของพ่อแม่ จากนั้นท่านได้ออกธุดงค์ไปจังหวัดมหาสารคาม ได้ถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อปฏิบัติพระกรรมฐานกับพระอาจารย์คูณ ธมฺมุตฺตโม ที่วัดป่าพูนไพบูลย์ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๕ หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ กับพระอาจารย์ศรี มหาวีโร รับนิมนต์จากท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี เพื่อสร้างวัดกรรมฐานที่บ้านหนองแซง จังหวัดอุดรธานี สถานที่แห่งนี้เป็นที่เที่ยวผ่านไปมาของพระอาจารย์กรรมฐานเสมอ เช่น พระอาจารย์ชอบ ฐานสโม พระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร พระอาจารย์คำดี ปภาโส ฯลฯ ท่านถึงแก่มรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2518 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน

พระเดชพระคุณหลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ศิษย์กรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่สำคัญรูปหนึ่ง ซึ่งได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ในวัยชรา

ท่านได้บวชเป็นตาปะขาวถือศีล ๘ อย่างเคร่งครัด และติดตามหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ออกธุดงค์ จนได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบันตั้งแต่ยังเป็นคฤหัสถ์ ท่านมีวิถีจิตมุ่งสู่ความหลุดพ้น ท่านพระอาจารย์ มั่น ได้กล่าวทำนายไว้ว่า “ในกาลข้างหน้า ถึงเวลาบารมีสุกงอมเต็มที่ จะมีคนมาโปรด”

...ต่อมาท่านได้รับอุบายธรรมชั้นสูงจากหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ที่วัดป่าแก้วชุมพล อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ตามคำทำนายของท่านพระอาจารย์มั่น

หลวงตามหาบัวฯ ท่านแนะวิธีปฏิบัติให้ในตอนเย็น พอรุ่งเช้า ท่านก็จบกิจพรหมจรรย์ เป็นพระอรหันต์องหนึ่งในพุทธศาสนา

ท่านเล่าว่า “อวิชชาขาดมันรุนแรงถึงขั้นกายไหว ประหนึ่งว่าคานกุฏิที่อยู่ได้ขาดไปด้วย อัศจรรย์ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และอัศจรรย์ อุบายธรรมที่หลวงตาแนะนำพร่ำสอน คืนนั้นทั้งคืนจิตตื่นอยู่ไม่หลับไม่นอน เสวยวิมุตติสุข หาสุขอื่นยิ่งกว่าไม่มี"

... หลวงปู่บัวเป็นผู้แก้จิตและแนะนำธรรมขั้นสุดท้ายให้แก่หลวงปู่ศรี มหาวีโร พระอริยเจ้าแห่งวัดป่ากุง จังหวัดร้อยเอ็ด หลวงปู่ศรีจึงเคารพรักท่านเป็นอย่างมาก

ท่านสามารถระลึกชาติย้อนหลังได้หลายชาติ ท่านเล่าว่า เคยเกิดอยู่ที่บริเวณวัดป่าหนองแซงนี้เป็นเวลานานถึง ๔ ชาติ และชาตินี้เป็นชาติที่ ๕ อันเป็นชาติสุดท้ายในการวนเวียนในสังสารวัฏ

ท่านเคยเกิดเป็นหมูป่า และชาติต่อมาเป็นควายป่า ถูกนายพรานผู้มีใจบาปยิงตาย ก่อนจะตายได้รับทุกข์ทรมานเป็นที่ยิ่ง นายพรานผู้มีใจบาปนี้เที่ยวล่าและฆ่าสัตว์เป็นจำนวนมาก ไม่เคยก่อสร้างบุญกุศล เมื่อเขาตายไปได้เป็นเปรต เสวยผลกรรมอันเผ็ดร้อน อยู่บริเวณวัดป่าหนองแซงแห่งนี้

ท่านไม่ได้ร่ำเรียนเขียนอ่าน แต่ธรรมภายในของท่านลึกซึ้ง ท่านภาวนาพุทโธตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส บวชเป็นผ้าขาว ถือศีล ๘ อย่างเคร่งครัด เป็นเวลา ๓ ปี ติดตามหลวงปู่อ่อน ญาณสิริไปธุดงค์ตามป่าตามเขา ผจญกับสัตว์ป่าและอันตรายต่างๆอย่างเอาเป็นเอาตาย

ในระหว่างเป็นผ้าขาวได้ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์กรรมฐานหลายรูป เช่น พระอาจารย์สุวรรณ สุจิณฺโณ,หลวงปู่สิงห์ ขนฺตฺยาคโม,หลวงปู่ขาว อนาลโย,หลวงปู่จันทร์ เขมปตฺโต,หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร,หลวงปู่คำดี ปภาโส,หลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน

ท่านเป็นพระกรรมาฐานที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรง ไม่ยอมท้อถอยให้แก่กิเลสมารแต่ประการใด ท่านสละชีวิตเพื่อธรรมอย่างแท้จริง ถึงแม้อยู่ในวัยชราแต่ความเพียรพยายามเหมือนพระหนุ่มๆ ท่านมีความพึงพอใจต่อการรักษาสัจจะ และนับเป็นยอดปรารถนาของท่านเลยทีเดียว หากศิษย์คนใดมีจิตใจแน่วแน่ที่จะรักษาสัจวาจาแล้วก็จะเป็นที่นิยมและชอบใจของท่านเป็
นยิ่งนัก

ท่านเกิดเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๓๑ ที่บ้านเขืองใหญ่ ตำบลหมูม่น อำเภอธวัชบุรี (โป่งลิง) จัวหวัดร้อยเอ็ด เป็นบุตรของ นายลาด และ นางดา น้อยก้อม มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๙ คน

ชีวิตฆราวาสท่านมีอาชีพเป็นช่างประจำหมู่บ้าน และเก่งในวิชาอาคมไสยศาสตร์ประกอบอาชีพเป็นหมอผี ปราบผีสางนางไพร เป็นที่นับถือของคนถิ่นนั้น ท่านยึดมั่นในคุณธรรม ๒ ประการ คือ การมีสัจจะ และการรักษาศีลอย่างเคร่งครัด

ท่านอุปสมบทในปีพุทธศักราช ๒๔๘๒ อายุ ๕๓ ปี ณ วัดบึงพระลานชัย อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด เวลา ๑๕.๑๘ น. โดยมี ท่านพระครูคุณสารพินิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ปลัดแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์

หลังจากพิธีบวชแล้ว ท่านได้มาจำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์เพ็ง พุทฺธธมฺโม ซึ่งเป็นพระลูกชาย ที่วัดป่าศรีไพรวัน จังหวัดร้อยเอ็ด

ในกลางพรรษาแรกนั้นเอง ท่านมีอาการเจ็บในรูหูเป็นอย่างมาก ได้นั่งสมาธิพิจารณาทุกขเวทนา ใต้ต้นลำดวนในบริเวณวัด ติดต่อกัน ๓ วัน ๓ คืนจึงรู้แจ้งในอริยสัจจ์ จึงเอาชนะความเจ็บปวดได้

จากนั้นได้เข้าไปถวายตัวเป็นศิษย์ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดบ้านหนองผือ อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร เมื่อไปถึงท่านอาจารย์มั่นทักถามทันทีว่า

“...นั่งอยู่ใต้ต้นลำดวนอยู่ ๓ วัน ๓ คืนนั้น ท่านได้พิจารณาอะไรบ้าง”

ท่านถึงกับตกใจที่ท่านพระอาจารย์มั่น สามารถรู้ได้เช่นนั้น จึงกราบเรียนท่านว่า “...กำหนดดูปฏิสนธิตั้งแต่เริ่มแรก พิจารณาการเกิดตั้งแต่เข้าไปอยู่ในครรภ์มารดา ต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน"

จากนั้นท่านได้เดินธุดงค์ไปทางจังหวัดมหาสารคาม ได้ถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อปฏิบัติพระกรรมฐานกับพระอาจารย์คูณ ธมฺมุตฺตโม ที่วัดป่าพูนไพบูลย์ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม

ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๕ หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ กับพระอาจารย์ศรี มหาวีโร รับนิมนต์จากท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี เพื่อสร้างวัดกรรมฐานที่บ้านหนองแซง จังหวัดอุดรธานี

อันว่า...วัดป่าหนองแซงนี้เดิมท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์มาจับจองไว้เพื่อสร้างเป็นวัดกร
รมฐานเดิมมีเนื้อที่ประมาณ ๕๐๐ ไร่ ห่างไกลจากบ้านผู้คน

ป่าแห่งนี้ เป็นป่าโคก(ที่ดอน) มีต้นไม้เก้า ไม้ติ้ว ตูมกา เต็ง เป็นจำนวนมาก สัตว์ป่ายังชุกชุมมากโดยเฉพาะเก้ง กวาง ลิง ค่าง บ่าง ชะนี เช้าสายบ่ายเย็นมีเสียงสัตว์ร้องสนั่นไพร

สถานที่แห่งนี้เป็นที่เที่ยวผ่านไปมาของพระอาจารย์กรรมฐานเสมอ เช่น พระอาจารย์ชอบ ฐานสโม พระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร พระอาจารย์คำดี ปภาโส ฯลฯ

ท่านได้ละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานในปีพุทธศักราช ๒๕๑๘

สิริอายุ ๘๗ ปี ๓๖ พรรษา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น